พระหยกสุพรรณ วัดธรรมมงคล 2535  

Posted by Honeybee


พระหยกสุพรรณ วัดธรรมมงคล 2535

พระหยกสุพรรณ วัดธรรมมงคล 2535
                                        พร้อมกล่อง
หยกแท้ หายากมาก หมดแล้วหมดเลย

ราคา 750 บาท จัดส่งฟรีแบบไปรษณีย์ลงทะเบียน
ติดต่อ: Line ID: 8billion หรือ เมมเบอร์ 0869269793 เพิ่มเพื่อนในไลน์แล้วติดต่อรายละเอียดกันเช่น การโอนเงิน การจัดส่ง เป็นต้นครับ หากท่านโทรมาอาจจะรับสายไม่ได้เนื่องจากทำงานประจำครับ
*ถ้าหากท่านประสงค์อยากได้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผมเพื่อความสบายใจก็สามารถบอกได้นะครับ

Amulet Name: Jade Buddha
Price: 750 Thai Baht (Ex-Factory)

For Thai people at oversea or foreigners who interested in this amulet, please kindly contact me at sak_39@hotmail.com for further discussion.

การรับประกัน
รับคืนเงินภายใน 30 วัน หากผู้บูชาตรวจทราบว่าเป็นพระเก๊ โดยมีหนังสือรับรองจากผู้เชี่ยวชาญที่วงการพระเครื่องให้การยอมรับ
อนึ่ง ในการส่งคืน พระจะต้องอยู่ในสภาพเดิม ไม่ชำรุดหักบิ่น เสียสภาพ

การผนึกรวมกันของ2พลังอำนาจ
1.หยกธรรมชาติแท้จากนิมิตมหัศจรรย์ของหลวงพ่อวิริยังค์วัดธรรมมงคล ลูกศิษย์ พระอุปัฏฐากหลวงปู่มัน พระอรหันต์ยุคปัจจุบัน
2.พระผงสุพรรณ หนึ่งในเบญจภาคี ที่พุทธคุณทางด้านเมตตา แคล้วคลาด ร่ำรวย มีโชค

พระหยกสุพรรณนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปหยกศรีไทย วัดธรรมมงคล ซึ่งเป็นส่วนจากการแกะสลักของนายช่างชาวอิตาลี่ เมื่อปี2535 จึงเป็นการมั่นใจได้ว่าพระหยกองค์นี้เป็นหยกแท้100%ทั้งยังมีที่มาจากการอธิษฐานจิตจากพระอริยะเจ้าลูกศิษย์พระอรหันต์อย่างหลวงปู่มั่นอีกด้วย การประดับเครื่องประดับด้วยหยกแท้ก็นับว่ามีพลังเสริมดวงเสริมบารมีแล้ว และยังเป็นหยกที่แกะสลักเป็นรูปพระผงสุพรรณที่มีอานุภาพลือเลื่องดังมีสนเทห์ว่า ถ้าเอาพระวางไว้บนหัวแล้วต่อสู้กับข้าศึกก็จะไม่เป็นอันตรายไดๆเลย ก็ยิ่งเสริมดวงให้ผู้ส่วมใส่มีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นไปอีก


เนื้อหยกเขียวบริสุทธื์ เนื้อเดียวกับองค์พระ
พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย(หลวงพ่อหยก)
ที่มาของพระหยก วัดธรรมมงคล
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2535 เราคนไทยคงจะจำข่าวอันเป็นมงคลเกี่ยวเนื่องทางพระพุทธศาสนากันได้ เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมทางหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่เว้นแม้แต่โทรทัศน์ที่สนใจติดตามข่าวโดยนำไปเผยแพร่ถึงความมหัศจรรย์ที่เราได้พบหยกสีเขียวขนาดมหึมา ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน
ความต้องการรัตนชาติล้ำค่าชนิดนี้ เกิดขึ้นจากปณิธานของ พระราชธรรมเจติยาจารย์ หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ พระสงฆ์รูปนี้ท่านเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาสักองค์หนึ่ง เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนา
ให้รุ่งเรืองสืบไปภายหน้า ซึ่งวัตถุที่หลวงพ่อต้องการจะนำมาแกะสลักพระตามที่ท่านกำหนดไว้ในใจก็คือ หยกสีเขียว ขนาดใหญ่และบริสุทธิ์ จึงหาได้ยากยิ่งในเมืองไทยและต่างประเทศ แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อที่จะรอคอย
มาในภายหลังหลวงพ่อวิริยังค์ท่านทราบข่าวว่าในประเทศแคนาดามีบริษัททำเหมืองหยก ท่านจึงได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดาในปี พ.ศ.2530 การเดินทางครั้งนั้นท่านเดินทางไปพร้อมกับลูกศิษย์ของท่าน เพื่อไปสืบหาหยกสีเขียวมาแกะสลักให้ได้ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วก็ยังไม่พบหยกตามต้องการ ท่านจึงเข้าพบเจ้าของบริษัททำเหมืองหยก ขอสั่งจองก้อนหยกขนาดใหญ่ไว้ หากขุดได้ท่านจะซื้อกลับมาเมืองไทย
จากนั้นท่านและคณะศิษย์ก็ได้เดินทางกลับมารอฟังข่าวที่เมืองไทย เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆก็ยังไม่มีข่าวดีสักที เพราะแม้ทางเหมืองจะขุดพบหยกสีเขียว และนำขึ้นมาได้ก็ยังไม่ได้ขนาดตามที่หลวงพ่อต้องการ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2534 ช่วงเวลาตีสาม ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้นำพระภิกษุ สามเณรในวัดธรรมมงคลลุกขึ้นนั่งสมาธิเป็นปกติ ขณะที่ท่านนั่งสมาธิก็ได้เกิดนิมิตเห็นหยกสีเขียวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมาปรากฏ เมื่อออกจากสมาธิท่านจึงมั่นใจว่าคราวนี้จะต้องได้พบหยกสีเขียวตามที่ตั้งใจไว้แน่ๆ ท่านจึงกำหนดเดินทางไปยังประเทศแคนาดาอีกครั้ง
ทันทีที่ได้ไปถึงเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ซึ่งเป็นรัฐใหญ่ของประเทศแคนาดา ท่านก็ทราบข่าวว่ามีการขุดพบหยกสีเขียว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการขุดพบมา ซึ่งสถานที่พบหยกก้อนนี้ไม่ใช่ที่เหมืองหยก แต่เป็นเหมืองทองคำของ นายจอห์น สกัสเลอร์ ชาวเยอรมัน นายจอห์นผู้นี้เข้ามาแสวงโชคในแคนาดาด้วยการทำเหมืองหาสินแร่ทองคำนานหลายสิบปีแล้ว กิจการนับว่ารุ่งเรืองและการขุดพบหินหยกครั้งนี้เป็นการพบโดยไม่คาดฝันมาก่อน ซึ่งวันที่ขุดพบก็ตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2535 ตรงกับวันที่หลวงพ่อวิริยังค์ท่านนั่งสมาธิมีนิมิตเห็นหยกสีเขียวพอดี ดูจะเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ไม่น้อย นายจอห์นเล่าว่าวันนั้นขณะกำลังคุมงานขุดหาแร่ทองคำตามปกติ จู่ๆเขาก็เกิดความต้องการจะให้คนงานขุดเจาะลงไปยังที่แห่งหนึ่ง โดยไม่มีเหตุผลและไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไรจึงอยากให้ขุดบริเวณนั้นขึ้นมา ซึ่งเมื่อคนงานเริ่มขุดเจาะผิวดินและหินก็พบว่าตรงบริเวณนั้นมีสายแร่ทองคำมากพอสมควร จึงให้ขุดต่อไปอีก เมื่อขุดต่อไปสายแร่ทองคำก็หายไป นายจอห์นก็จะบอกให้หยุดขุดเพียงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงพูดไม่ออกและน่าแปลกที่คนงานซึ่งกำลังขุดก็ไม่ทักท้วง ทั้งๆที่ไม่ได้แร่ทองคำขึ้นมาเลย คล้ายกับมีพลังอำนาจจากอะไรบางอย่างบังคับให้ขุดต่อไป จนในที่สุดความอัศจรรย์ก็บังเกิดเมื่อมีการขุดพบก้อนหยกสีเขียวขนาดมหึมาอยู่ภายในหลุมลึก เป็นหยกสีเขียวที่สมบูรณ์สวยงาม ไร้รอยตำหนิ เพียงก้อนเดียวที่มาผุดในเหมืองทองคำ และน่าแปลกยิ่งไปกว่านั้นก็คือจากการสันนิษฐานจากนักธรณีวิทยาผู้ร่วมทีมขุดและจากความเชี่ยวชาญของนายจอห์นเอง ทำให้แน่ใจว่าหยกก้อนนี้ไม่ใช่หยกที่เกิดขึ้นในสถานที่นี้ แต่หยกก้อนนี้ได้เคลื่อนตัวจากยอดเขาสูงสุดคือยอดเขาคิงส์เม้าน์เทนลงมา และใช้เวลาเคลื่อนไหลไม่ต่ำกว่า 8,000-10,000 ปีอย่างแน่นอน กว่าจะมาปรากฏ ณ ที่ขุดพบ
และหลังจากขุดพบหยกก้อนนี้ก็ต้องใช้เวลาถึง 7 วัน กว่าจะนำขึ้นจากดินได้โดยไม่มีส่วนใดบุบสลาย ฝ่ายเจ้าของเหมืองคือนายจอห์นนั้น ยิ่งพอรู้ว่าหลวงพ่อวิริยังค์ต้องการติดตามสืบหาหยกเขียวบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อนำไปแกะสลักองค์พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะประดิษฐ์ไว้ในประเทศไทยก็ยิ่งขนลุกด้วยความปีติ เขาเชื่อว่าการค้นพบครั้งนี้เป็นปาฏิหาริย์แน่นอน หยกก้อนนี้ต้องมีเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าปกปักรักษาไว้เพื่อเป็นรัตนชาติในพระพุทธศาสนาเท่านั้น จึงบันดาลให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น
เมื่อรัตนชาติสีเขียวก้อนนี้เดินทางมาเมืองไทยก็ได้มีพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีก็ต้องเฟ้นหาช่างฝีมือเพื่อมาแกะสลักหยกให้เป็นองค์พระพุทธรูป ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าช่างแกะสลักฝีมือเยี่ยมที่สุดในโลกมีอยู่ที่ประเทศอิตาลีเท่านั้น ดังนั้น หลวงพ่อวิริยังค์จึงต้องเดินทางไปประเทศอิตาลีอีกครั้ง เพื่อไปติดต่อช่างแกะสลักนายหนึ่งชื่อว่า เปาโล เวี้ยกกี้ โดยที่ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า ทราบแต่เพียงว่าช่างคนนี้เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยด้วย แต่เมื่อคณะของหลวงพ่อเดินทางไปถึงก็ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยปิดและไม่สามารถติดต่อช่างเปาโลได้เลย เพราะไม่รู้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ทำให้หลวงพ่อผิดหวังอย่างยิ่งจึงต้องเดินทางกลับเมืองไทย
แต่แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะก่อนที่จะเดินทางในวันรุ่งขึ้น คณะของหลวงพ่อได้พากันไปซื้อรองเท้าที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่ช่างเปาโลก็เข้าไปซื้อรองเท้าในร้านเดียวกัน จึงได้เจรจารายละเอียดและนัดหมายในเรื่องการแกะสลักพระพุทธรูปหยกเขียว หลังจากนั้นช่างเปาโลและช่างอีกคนหนึ่งชื่อ ซีซี่ก็เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำการแกะสลักหยกสีเขียวเป็นองค์พระพุทธรูป ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังจากปากของช่างเปาโลว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากในการมาแกะสลักพระพุทธรูปหยกครั้งนี้ เพราะขณะที่เขากำลังแกะสลักนั้น มันเหมือนกับมีแม่เหล็กมาดูดที่มือเขาตลอดเวลา และตามความรู้สึกของเขานั้นเหมือนกับพระพุทธเจ้า เสด็จมาคอยให้เห็นอยู่ตรงหน้าและเวลาฝันก็จะฝันเห็นพระพุทธเจ้าอยู่บ่อยครั้ง
จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้เราได้สัมผัสกับความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งปัจจุบันถูกประดิษฐานอยู่บนชั้น 3 ของศาลาพระปรมาภิไธยย่อภปร. ภายในวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 องค์พระพุทธรูปหยกเขียวนี้ มีพระนามเต็มว่า พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย หรือ หลวงพ่อหยก ซึ่งโดยพุทธลักษณะแล้วเป็นพระพุทธรูปที่ถูกบรรจงแกะสลักอย่างงดงามและหาดูได้ยากยิ่ง

อานุภาพพระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณพระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี นับเป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่ายิ่ง นอกเหนือจากพุทธศิลปะอู่ทองอันเข้มขลังแล้ว พุทธคุณขององค์พระยังเลื่องชื่อลือชาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ซึ่งปรากฏในจารึกลานทองที่ได้จากกรุและถูกคัดลอกออกเป็น 6 สำเนา กล่าวถึงกรรมวิธีการสร้าง และ "อุปเท่ห์" อันหมายถึงวิธีการอาราธนาองค์พระเพื่อให้ท่านช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ สำหรับ "พระผงสุพรรณ" แล้วท่านได้ระบุว่าฤาษีผู้สร้างได้ลำดับอุปเท่ห์ไว้ดังนี้
-แม้อันตรายสักเท่าใดก็ดีให้นิมนต์พระใส่ไว้บนศีรษะหรืออาราธนาผูกไว้ที่คอ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น แล
-ถ้าจะเข้าการรณรงค์สงคราม ให้เอาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยนวหรคุณ แล้วเอาน้ำมันหอมมาใส่ผม ไปได้สำเร็จความปรารถนาแล
-ถ้าผู้ใดจะประสิทธิ์ด้วยหอกดาบศาสตราวุธทั้งปวง ให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอมใส่ชันสัมฤทธิ์ พิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด แล้วเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ 108 คาบ พาหุง 13 จบ เอาน้ำมันหอมทาทั้งหน้า คอ หน้าอก แลผม จะสำเร็จผลตามความปรารถนาทุกอย่าง อยู่คงกระพันชาตรี ศาสตราวุธทั้งปวงจะมิมาต้องตัวผู้นั้นเลย ศักดิ์สิทธิ์แท้
-ถ้าผู้ใดจักใคร่ได้มาตุคาม ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นมาใส่ใบพลูประสิทธิ์แก่คนผู้นั้น จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นแล
-ถ้าจะให้มีสง่าราศีเป็นสิริมงคลการเจรจาให้ผู้อื่นเชื่อฟังยำเกรง ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม หุงขี้ผึ้งสีปาก เสกด้วยนวหรคุณ 13 จบ พาหุง 13 จบ พระพุทธคุณ 13 จบ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนบูชา ทำพิธีในวันเสาร์ แล้วเอาขี้ผึ้งทาริมฝีปาก หน้าอก แลผม จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นตามปรารถนา คนทั้งหลายทั้งกลัวทั้งเกรง เก็บไว้ใช้ได้เสมอ เป็นมหาวิเศษ
-ถ้าว่าจะค้าขายก็ดี จะไปหนบกหนเรือก็ดี ท่านให้นมัสการด้วยบทพาหุง แล้วอาราธนาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยอิติปิโส 11 คาบ แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นประพรมของ เอามาลูบหน้า ลูบศีรษะ และกินบ้าง ถ้าแม้จักไปขายหนบกหนเรือก็ศักดิ์สิทธิ์ คนทั้งหลายขายไม่ได้เราก็ขายได้
-ถ้าจะคิดการสิ่งใดหรือจักไปหนไหนๆ จะให้สมความปรารถนา ท่านให้อาราธนาพระใส่บนศีรษะก็จักสมความปรารถนาประเสริฐนักแล
-ถ้าจักให้สวัสดิมงคล เจริญผลสถาพรทุกเมื่อ ให้เอาดอกไม้ ดอกบัวบูชาทุกวัน ถวายพรพระพิมพ์ทุกวัน จะปรารถนาสิ่งใดก็สำเร็จผลทุกอันแล
-ถ้าไปในที่ต่างๆ อยากกินน้ำ หาน้ำไม่ได้ ท่านให้อาราธนาพระใส่ไว้ในปาก หายอยากน้ำแล
-ถ้าเอาพระไว้บนศีรษะแล้ว ปืนแลหน้าไม้ยิงมาเป็นห่าฝนก็ไม่ถูกตัวเรา
-ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้อาราธนาพระไว้บนศีรษะ แล้วท่านให้อธิษฐานเอาเถิดสัตว์ทั้งหลายทำร้ายเราไม่ได้เลย คงยืนอยู่อย่างนั้น เงื้อก็เงื้อเปล่า ทำอะไรเราไม่ได้
-ถ้าเกิดเป็นถ้อยความ ขึ้นโรงศาล จักให้ถ้อยความนั้นละลายหายสูญไป ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาด้าย 11 เส้นทำไส้เทียน เอากระดาษยันตร์ใส่ชื่อมันห่อใส่เทียนนั้น เสกด้วยนวหรคุณ ตามถวายพรพระ บูชาประดิษฐานไว้ แล้วพิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด จะประสิทธิ์แก่ผู้นั้น ฝ่ายมันสู้เรามิได้เลย ศักดิ์สิทธิ์แล ให้เอาคาถานี้ทำเส้นเทียนเถิด

พระองค์นี้จึงเรียกได้ว่า เป็นการรวมอานุภาพพลังงานของสิ่งศักดิ์ทั้งสองนี้รวมกัน

หมายเหต: ยังมีพระหยกแกะเป็นรูปพระสมเด็จ ปี 2536 ตามLinkนี้ครับ http://prakruangthai.blogspot.com/2017/05/2536.html?m=1

This entry was posted on Thursday, May 5, 2016 at 7:55 AM . You can follow any responses to this entry through the comments feed .

0 comments

Post a Comment