เมื่อแบ่งตามพุทธศิลป์ ตามยุคต่างๆตามลำดับ เช่นยุคเชียงแสน อู่ทอง อยุธยา เช่นกันว่าพระพุทธรูปสมัยทวารวดีก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายอย่าง ซึ่งจะเห็นได้ดังต่อไปนี้
One of the most rare and famous Buddha Staue in Thailand is the Mon-Dvaravati period(7th to 11st Century) It is known as the first era of Thai Buddhist art before Sukhothai, Uthong, Ayutthaya and so on.
The Mon-Dvaravati Buddha has a unique style as explained following:
1. พระขนง(คิ้ว)รูปปีกกา โค้งต่อกันตั้งแต่พระนาสิก(จมูก)ไป ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปทวารวดีจริงๆ
The eyebrows is continuous from his nose. And the lips is thick.
2. พระศกหรือผม เป็นมวยกลมใหญ่ ขดเป็นก้นหอย มีขนาดไม่เท่ากันเนื่องจากสมัยก่อนกรรมวิธีอาจไม่สามารถทำให้เม็ดพระศกมีขนาดเท่าๆกันเหมือนศิลปะยุคหลังๆ แต่มองดูแล้วมีความเป็นศิลปะสวยงามน่าหลงไหล ตรงส่วนบนสุดเป็นพระรัศมีโมลีมีขนาดไม่ใหญ่และไม่สูงเหมือนยุคหลังๆ
The hair style of Mon-Dvaravati Buddha is curled up (knotted hair) with a big size and not in the same size as the style of that period. The highest pint is a domed Ushnisha.
3. จีวร หรือสังฆาฏิของพระูชาสมัยทวารวดีนั้นเป็นเอกลักษณ์สำคัญ และโดดเด่น มองเห็นปุ๊ปจะรู้ทันทีว่าเป็นพุทธศิลป์ยุคมอญ ทวารวดี คือผ้าสังฆาฏิเรียบติดพระวรกาย โดยเฉพาะตรงส่วนใหล่จะมองไม่เห็นริ้วของผ้าเลย และการห่มสังฆาฏิจะห่มแบบคลุมใหล่ทั้งสองข้าง ไม่ได้ห่มเฉวียงบ่าแบบยุคหลังๆ
อีกอย่างหนึ่ง ชายผ้าตรงพระชานุหรือแข้งก็จะมีลักษณะ ซ้อนกัน เป็นเส้นโค้งพาดผ่านพระชานุทั้งสองข้าง
ติดตามเรื่องราวลักษณะของพระบูชาเก่าแก่ยุคทวารวดีได้ใหม่ในครั้งถัดไป หรือสนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ Line ID: 8billion
The story of Mon-Dvaravati Buddha will be continued next time, Or contact me at Line ID: 8billion or sak_39@hotmail.com for more information.
No comments:
Post a Comment