พระสมเด็จนางพญา หลังยันต์ใหญ่ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ปี 2539 เนื้อผงเกสร  

Posted by Honeybee

พระสมเด็จนางพญา หลังยันต์ใหญ่ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ปี 2539 เนื้อผงเกสรน้ำเยิ้มๆสวยสุดๆ





 ประวัติหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
ตามประวัติ หลวงปู่คำพันธ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๔๕๘ ณ บ้านหนองหอยใหญ่ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม ในตระกูล "ศรีสุวงศ์" เมื่ออายุ ๑๗ ปีได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีบุญเรือง อ.นาแก ต่อมาได้พบกับ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายกรรมฐานผู้มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น จึงฝากตัวเป็นศิษย์ รับแนวทางการสอนของพระอาจารย์เสาร์มาปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการกำหนดรู้ของลมหายใจเข้าออก ทำให้มีความรู้ในด้านนี้เพิ่มขึ้น หลังจากนั้น ท่านได้เดินธุดงค์ไปทาง อ.ภูเรือ จ.เลย จนพบกับ ปะขาวครุฑ ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ และเป็นผู้มีวิชาอาคม ไสยเวทและวิชาแพทย์แผนโบราณอย่างแตกฉาน จึงได้ขอเรียนวิชาทั้งหมดนี้จากปะขาวครุฑ จนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอันดีอีกทางหนึ่ง สำหรับปะขาวครุฑท่านนี้ เป็นผู้ถือศีลปฏิบัติธรรมแบบพระ แต่ไม่ได้บวชเป็นพระ ครองผ้าขาวห่มกายเป็นประจำ ท่านเป็นศิษย์ของ สำเร็จลุน ผู้สืบสานวิชาอาคมสายลุ่มน้ำโขงสมัยโบราณ จาก ท่านญาครูขี้หอม แห่งล้านช้าง ต้นตำรับวิชาอาคมสายนี้ ซึ่งโด่งดังในสมัยก่อนมาก

สรุปว่า หลวงปู่คำพันธ์ได้เรียนรู้วิชาอาคมสายนี้มาอย่างครบถ้วน และเมื่ออายุครบบวช ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดโพธิ์ชัย อ.นาแก จ.นครพนม ต่อมาโยมมารดาถึงแก่กรรม ท่านจึงลาสิกขา ออกมาช่วยเลี้ยงดูน้องๆ ที่ยังเล็กอยู่ ท่านได้อุปสมบทอีกครั้งเมื่ออายุ ๓๐ ปี ณ วัดโพธิ์ชัย อ.นาแก กาลเวลาได้ผ่านไปพร้อมกับบารมีอันแก่กล้าของท่านก็มีมากเพิ่มขึ้นด้วย จึงได้นำญาติโยมสร้าง วัดธาตุมหาชัย ขึ้นมาจากวัดเล็กๆ จนเติบโตในเวลาต่อมา ขณะเดียวกัน ก็มีศรัทธาญาติโยมต่างพากันมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง ทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดัง
ขึ้นมาทันที

 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัตถุมงคลรุ่นแรกๆ ของท่านที่นำหินจากแม่น้ำโขงขึ้นมาแผ่เมตตาอธิษฐานจิตเป็นองค์พระ ด้วยการเจริญธาตุ ๔ ตั้งธาตุ หนุนธาตุ ให้มีพลังด้วยอภิญญาธรรม มีค่าเหนือกว่าหินธรรมดาทั่วไป ซึ่งท่านเรียกว่า ปฐวีธาตุ หรือ พระเพชร หมายถึงหินที่มีคุณค่าทางธรรมะเท่าเทียมเพชร หลวงปู่บอกว่า พระเพชรนี้จะคุ้มครองคุ้มกันภัย กันสายฟ้าฟาด กันไฟ กันรังสีของความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และฉับพลันได้ ซึ่งนับเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธ์ ที่ลูกศิษย์ผู้ได้รับต่างหวงแหนกันมาก นอกจากนี้ ท่านยังอธิษฐานจิต ตะกรุด และพระเครื่องรุ่นต่างๆ ที่มีหลากหลายรูปแบบ ล้วนมีประสบการณ์ในการใช้ติดตัวตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมัย ผกค.มีอิทธิพลในภาคอีสาน ทหารตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน ที่ออกสู้รบ และรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ต่างก็มีวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธ์ทั้งสิ้น จนเป็นที่แสวงหาของศรัทธาญาติโยมอย่างกว้างขวาง

 หลวงปู่คำพันธ์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระสุนทรธรรมากร เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๕ และมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ สิริรวมอายุ ๘๘ ปี ขณะนี้สรีระของท่านยังอยู่ที่วัดธาตุมหาชัยในสภาพที่สมบูรณ์ มิได้เน่าเปื่อยแต่ประการใด

สำหรับสมเด็จนางพญาองค์นี้ 
ราคา: 400บาท (จัดส่งฟรี แบบไปรษณีย์ลงทะเบียน)
วิธีการบูชา:  ผู้สนใจ กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกัน แล้วทางผู้ขายจะยืนยันตัวตน เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อครับ

เหรียญเม็ดแตง หลวงพ่อพระพุทธโสธร เนื้อเงินลงถม ปี 2517  

Posted by Honeybee

เหรียญเม็ดแตง หลวงพ่อโสธร เนื้อเงินลงถม วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ปี 2517

ราคา: 1000 บาท (จัดส่งฟรี)
วิธีการบูชา:  ผู้สนใจ กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกัน แล้วทางผู้ขายจะยืนยันตัวตน เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อ 

เหรียญเงินลงถมหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา จัดสร้างปี พ.ศ. 2517 สภาพสวย เป็นเหรียญขนาดเล็ก เนื้อเงินลงถม ห่วงเชื่อมเดิม ๆ เหมาะสำหรับหนูน้อยที่รักของคุณพ่อ หรือสุภาพสตรี เพราะเป็นเหรียญขนาดเล็ก

พระกริ่งเชียงแสน วัดชิโนรสฯ ปี 2512  

Posted by Honeybee

ชื่อพระ: พระกริ่งเชียงแสน วัดชิโนรสฯ ปี 2512 (ก้นวงเดือน นิยม)

ของดีราคาเบา พระกริ่งเชียงแสน วัดชิโนรสฯ จัดสร้างในปี 2512 โดยมีการรวบรวม พระกริ่งและพระบูชา ยุคเก่าต่างๆ พร้อมแผ่นยันต์จากคณาจารย์ทั่วประเทศ เป็นชนวนในการเททองจัดสร้าง พระเครื่องส่วนหนึ่งได้นำทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย

ราคา: ออกบูชาแล้ว
วิธีการบูชา:  ผู้สนใจ กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกัน แล้วทางผู้ขายจะยืนยันตัวตน เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อ 
ประวัติ
ในปี พ.ศ. 2512 วัดชิโนรส มีพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่หลายวาระ และปีนี้มีวันเสาร์ห้าด้วย โดยมีจุดประสงค์การสร้างวัตถุมงคล เพื่อหาเงินมาบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด ได้มีการสร้างพระบูชา และพระเครื่องอยู่หลายพิมพ์ เช่น พระผงหลายสิบพิมพ์ เหรียญ พระกริ่ง รูปหล่อ ฯลฯ เป็นต้น หัวแรงใหญ่ในการจัดสร้างพระเครื่องต่างๆ นี้เท่าที่ทราบมี 3 ท่านคือ 
1. พระมหาประดับ แน่นหนา เป็นชาวสรรคบุรี จ.ชัยนาท มีความนับถือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เป็นอย่างยิ่ง และได้นิมนต์ หลวงพ่อกวย มาร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล เป็นกรณีพิเศษ 
2. พระปลัดมานพ เป็นศิษย์ของ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จึงนิมนต์ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง มาร่วมปลุกเสก 
3. พระอาจารย์แก้ว มณีงาม 
 

เนื่องจากวัดชิโนรส เป็นพระอารามหลวง ดังนั้น การจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่ละครั้ง จึงต้องทำอย่างดี และในงานนี้ มีพระเกจิดังๆ จากทั่วประเทศในยุคนั้นมาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกมากมาย (มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน) เช่น
1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
2. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์
3. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ฯ กทม.
4. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท
5. หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง บุรีรัมย์
6. พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง
7. หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี
8. หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ระยอง
9. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
10. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม กาญจนบุรี
11. หลวงพ่อเสมียน วัดหนองกระทุ่ม ชลบุรี
12. พระอาจารย์เชื้อ หนูเพชร วัดสะพานสูง กทม.
13. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ฉะเชิงเทรา
14. หลวงพ่อทอง วัดหมอสอ กาญจนบุรี
15. หลวงพ่อแสน วัดท่าแหน ลำปาง
16. หลวงพ่อสุข วัดบันไดทอง เพชรบุรี ฯลฯ เป็นต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเสร็จพิธีแล้ว หลวงพ่อกวย ท่านได้เมตตานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวให้กับวัตถุมงคลชุดนี้เป็นพิเศษ จนใกล้สว่างเลยทีเดียว ถือว่า วัตถุมงคลชุดนี้ ใช้แทนวัตถุมงคลของท่านได้เป็นอย่างดี 

เหรียญในหลวง 4 รอบ  

Posted by Honeybee

เหรียญที่ระลึกในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชสมภพครบ 4 รอบ หรือเหรียญเต่า




เหรียญที่ระลึกในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชสมภพครบ 4 รอบ ปี 2518 นั้น ได้มีการสร้างเหรียญขึ้นมาซึ่งมีพิธีการที่จัดได้ว่ายิ่งใหญ่มาก 
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ได้ขอพระบรมราชาณุญาต สร้างเหรียญพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อทูลเกล้าฯถวาย เพื่อที่จะพระราชทานแก่ทหารตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดนและประชาชนทั่วไปที่จะได้บริจาคบูชา ทางคณะสงฆ์ได้อาราธนาพระเถราจารย์ มาร่วมประกอบพิธีชัยมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยกำหนดพิธีมหาฤกษ์มหามงคลในวันที่ 1 เมษายน 2520 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน๕ โดยสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย พระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ 9 รูป จากวัดหลวงประจำรัชกาลทั้ง 9 วัด เจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์49รูป ร่วมเจริญคาถานั่งปรกบริกรรมปลุกเสก ซึ่งประกอบด้วย 
1.สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ 
2.สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดจักรวรรดิราชาวาส 
3.พระวิสุทธิวงศาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ 
4.พระธรรมศิริชัย วัดพระปฐมเจดีย์ 
5.พระเทพสาครมุนี (ลพ.แก้ว) วัดช่องลม 
6.พระเทพคุณาธาร (เจียม) วัดโสธรฯ 
7.พระเทพวราลังการ (ลป.ศรีจันทร์) วัดเลยหลง 
8.พระเทพวุฒาจารย์ (ลพ.เปลื้อง) วัดสุวรรณภูมิ 
9.พระราชอุทัยกวี 
10.พระราชญาณดิลก (ลพ.ชิต) วัดเขาเต่า หัวหิน 
11.พระราชภัทราจาร วัดราชบพิธฯ 
12.พระญาณสิทธาจารย์ 
13.พระชินวงศาจารย์ (ลพ.พุธ) วัดป่าสาลวัน 
14.พระวิมลกิจจารักษ์ วัดชนะสงคราม 
15.ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี 
16.ลพ.ชา วัดหนองปาพง 
17.ลป.พรหมา วัดพระบาทตากผ้า 
18.ลพ.สนิท วัดศีลขันธ์ 
19.ลป.ดุลย์ วัดบูรพาราม 
20.ลพ.ใหญ่ วัดสะแก อยุธยา 
21.ลพ.บาง วัดหนองพลับ สระบุรี 
22.ลพ.เชื่อม วัดเกศไชโย อ่างทอง 
23.ลพ.เส็ง วัดน้อยนางหงษ์ 
24.ลพ.เที่ยง วัดม่วงชุม 
25.ลพ.ผิว วัดสง่างาม 
26.ครูบาอินทจักร วัดบ่อหลวง เชียงใหม่ 
27.ลป.บุญ วัดวังมะนาว 
28.ลพ.เชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ 
29.ลพ.แพ วัดพิกุลทอง 
30.ลพ.เริ่ม วัดจุกกระเฌอ ชลบุรี 
31.ลพ.ทอง วัดบ่อนอก ประจวบฯ 
32.ลพ.อ่อน วัดเพียมาตร ศรีสะเกษ 
33.ลพ.จ้วน วัดพระบาทเขาลูกช้าง 
34.ลพ.อุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม 
35.ลพ.เนื่อง วัดจุฬามนี 
36.ลพ.จ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ 
37.ลพ.กี๋ วัดหูช้าง 
38.ลพ.สิน วัดกิ่งแก้ว 
39.ลพ.ท่อน วัดศรีอภัยวัน จ.เลย 
40.ลพ.เฟื่อง วัดธรรมสถิต ระยอง 
41.พระอาจารย์บุญมา วัดสิริสาลวัน หนองบัวลำภู 
42.ลป.สาม วัดป่าไตรวิเวก 
43.พระอจ.แว่น ธนปาโล วัดสุทธาวาส 
44.พระอจ.บุญ วัดศรีสว่างแดนดิน 
45.อจ.ผั่น วัดถ้ำเอราวัณ จ.เลย 
46.พระอจ.วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม 
47.พระอจ.หนู วัดดอยแม่ปั๋ง 
48.พระอาจารย์ศรี มหาวีโร ร้อยเอ็ด 
49.พระอจ.สมชาย วัดเขาสุกิม

ราคา: 1,800 จัดส่งฟรี แบบems 
ติดต่อ: Line ID: 8billion  หรือเมมเบอร์0869269793 เพิ่มเพื่อนในไลน์ แล้วพูดคุยตกลงกัน เพราะทำงายประจำไม่สะดวกรับสายท่านครับ



เหรียญในหลวงพระราชทานชาวเขา  

Posted by Honeybee

เหรียญในหลวงพระราชทานชาวเขา


ราคา: 3000 ส่งEMS ฟรี
ติดต่อ: ทางLine ID: 8billion หรือ เมมเบอร์ 0869269793 เพื่อเพิ่มเพื่อน เนื่องจากทำงานประจำอาจจะไม่สะดวกในการรับสายท่านครับ

"เรื่องของเหรียญ" กับบันทึกตำนาน การจัดการสัญชาติไทย
เหรียญที่ระลึกสำหรับชาวเขา เป็นเหรียญที่จัดทำขึ้น เพื่อใช้แทนบัตรประชาชน สำหรับชาวเขา 
ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีบัตรประชาชนใช้กัน 
ลักษณะ เป็นเหรียญห้อยคอ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ซม.
ด้านหน้า เป็นพระรูป ร.9 พิมพ์คล้ายๆ กับ เหรียญบาท ปี 2505 
ด้านหลัง เป็นรูปแผนที่ประเทศไทย และมีหมายเลขกำกับในแต่ละเหรียญ 
ในช่วงสี่สิบปีก่อน ประเทศไทย ประสบปัญหายาเสพติด, การปลูกพืชเลื่อนลอยของชาว เขาทางภาคเหนือ อีกทั้ง ถือเป็นช่วง สงครามความเชื่อเรื่อง"คอมมิวนิสต์" ที่ลามไปทั่วภูมิภาค อาเชี่ยน ด้วยพระราชอัจฉริยภาพ ที่กว้างไกล ด้วยการให้ชาวเขาสามารถ "ยืนได้ด้วยตัวเอง" และหยุดการอพยพย้ายถิ่นเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ พระองค์ เสด็จเยี่ยมเยือนพสกนิกรของพระองค์หลายครั้งโดยทุกครั้งทรงนำ การเพาะปลูกพืชผักเมืองหนาวไปแนะนำให้ พวกเขา ทำให้สงคราม การปลูกยาเสพติด และการทำไร่เลื่อนลอยในเมืองไทยยุติลงได้
หนึ่งในพระอัจฉริยภาพในด้าน "ทะเบียนราษฎร" อย่างไม่เป็นทางการนั้นคือการที่พระองค์พระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่ชาวเขาทุกครั้งที่เสด็จเยี่ยมทั้งอย่างเป็นทางการและเป็นการส่วนพระองค์ เหรียญพระราชทานจาก"พ่อหลวง" นี้เป็นที่หวงแหนของชาวเขา 
กุโลบาย ของเหรียญนี้ คือทุกเหรียญ จะมีการตอกโค้ด หมายเลขประจำเหรียญซึ่ง ในยุคนั้นด้วยการอพยพถิ่นฐานของชาวเขาบ่อยครั้งการสำมโนประชากรและการพิสูจน์สัญชาติเพื่อทำบัตรประชาชนนั้นเป็นไปยาก ด้วยเหตุนี้เหรียญนี้จึงเสมือนถือเป็น บัตรประชาชนชาวเขา โดยพฤตินัย นั้นเอง เรียกง่ายๆว่า"บัตรประชาชนฉบับ ชาวเขา ประชาชนใต้ร่มบารมีของพระองค์ท่าน ..."

เหรียญสามัคคีมีสุข - กูผู้ชนะ รุ่น2 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง  

Posted by Honeybee

เหรียญสามัคคีมีสุข - กูผู้ชนะ รุ่น2 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปี 2528

       
 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าตากสินมหาราช และมีข้อความด้านบนว่า กูผู้ชนะ

ราคา: ออกบูชาแล้ว
วิธีการบูชา:  กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกัน แล้วทางผู้ขายจะยืนยันตัวตน เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อ 


หลวงพ่อได้ชี้แจงเรื่องการสร้างเหรียญนี้ไว้ดังนี้

"อาตมาทำเหรียญพิเศษ ให้นามว่า "กูผู้ชนะ" แจกแด่ท่านที่ร่วมกุศลสาธารณประโยชน์ สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร โดยเอาเงินที่ได้จากการแจกเหรียญนี้ซื้ออุปกรณ์ในการแจกของ จำนวนที่ทำมีจำนวนจำกัดไม่มากนัก เริ่มทำการปลุกเสก วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ตรงกับวันวิสาขบูชา จะเริ่มทำการแจกวันเข้าพรรษา คือ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เป็นต้นไป
อัตราบำเพ็ญกุศล เดิมมิได้กำหนดไว้ อยากจะให้เป็นไปตามศรัทธาของท่านผู้รับ และตั้งใจทำบุญ มีหลายท่านแจ้งมาว่า คนจนที่มีเงินน้อย บางท่านอยากจะได้ไว้มาก เพื่อให้เพียงพอแก่คนในครอบครัว เห็นคนอื่นทำบุญมาก และได้รับเหรียญเดียว ตนเองยากจน ครั้นจะบริจาคมากก็ไม่มีพอ ขอให้กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ เพื่อความสบายใจของท่านผู้รับ อาตมาขอกำหนดอัตราสำหรับบริจาคสงเคราะห์ผู้ยากจนไว้ดังนี้ ท่านผู้รับจะรับเหรียญนี้ได้ โดยที่ท่านบริจาคทรัพย์ร่วมสาธารณกุศลตั้งแต่ ๑๐ บาท ขึ้นไป ถ้าไม่เกรงใจคนที่บอกว่ายากจน จะไม่กำหนดราคาเลย

สำหรับเหรียญ "กูผู้ชนะ" นี้ ไม่มีวางแจกหรือขายในที่ใดทั้งหมด ทุกท่านจะได้รับจากอาตมาเองแห่งเดียว

พระมหาวีระ ถาวโร
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

(คัดลอกมาจากหนังสือ "สมบัติพ่อให้" ของวัดท่าซุง (๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕)

พระปรกใบมะขาม หลวงพ่อโสธร หลังนางกวัก เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ปี 2518  

Posted by Honeybee

ชื่อพระ: พระปรกใบมะขาม หลวงพ่อโสธร หลังนางกวัก
เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
ปี 2518
ทำเนียบรุ่น: -
พุทธคุณเด่นในด้าน เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขายดีเยี่ยม


ราคา: 300บาท (จัดส่งแบบลงทะเบียนฟรี)
วิธีการบูชา:  กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกัน แล้วทางผู้ขายจะยืนยันตัวตน เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อ 

พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์เจดีย์จม ปี 2515 วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่  

Posted by Honeybee

ชื่อพระ: พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์เจดีย์จม ปี 2515 วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่" 
ราคา: 700 บาท พร้อมกล่องเดิมๆจากวัด  (จัดส่งแบบลงทะเบียนฟรี)
วิธีการบูชา:  กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกัน แล้วทางผู้ขายจะยืนยันตัวตน เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อ 
การจะไขว่คว้าหาของล้ำค่าและค่านิยมสูงๆ นั้น บางครั้งก็ยากยิ่งนัก ของดีๆ มีน้อยมักถูกเก็บเข้ากรุเข้ารังใหญ่ๆ หมด ยิ่งถ้า เสียเงินเสียทองไปแล้วได้ของเก๊มาครอบครอง ยิ่งช้ำใจเข้าไปใหญ่ ... ลองเปิดใจดู "พระใหม่" พุทธคุณเทียบเทียม รู้ที่ไปที่มาแน่นอน อีกทั้งสนนราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่เช่าหาได้แบบกระเป๋าไม่แบน และ "ห้อยคอแบบไม่อายใคร" อย่างเช่น "พระร่วงหลังรางปืน ปี 2515 วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่" 

พระร่วงหลังรางปืน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองเก่า ชะเลียง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย นับเป็นพระยอดขุนพลกรุเก่า ยอดนิยม ที่มีพุทธลักษณะอ่อนช้อยงดงาม แฝงด้วยความเข้มขลังและสง่างาม กับพุทธคุณทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีเป็นเลิศปรากฏเป็นที่ร่ำลือ พร้อมเอกลักษณ์ประจำองค์พระที่มีด้านหลังเป็น "หลังรางปืน" ได้รับสมญาว่า "จักรพรรดิแห่งพระเนื้อชิน" ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง 

นอกจากนี้ ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นพระพุทธศิลปะแบบเขมรยุคบายน มี อายุในราวปี ค.ศ.13 สมัยที่ขอม เรืองอำนาจและเข้าปกครองพื้นที่ บริเวณนี้ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระพิมพ์ที่ "ขอม" เป็นผู้สร้าง 

แต่ด้วยความที่พระมีจำนวนน้อยมากๆ ทำให้สนนราคาเช่าหาจัดได้ว่าสูงที่สุดสำหรับพระพิมพ์ประเภทเดียวกัน และยังหาพระแท้ได้ยากยิ่ง ด้วยผู้ที่มีไว้ครอบครองไม่ว่าจะเป็นองค์ที่สมบูรณ์หรือชำรุดก็ตามก็ต่างหวงแหนยิ่งนัก จึงเป็นธรรมเนียมที่มีผู้ฉวยโอกาสสร้าง ของเทียมขึ้นมาสร้างมูลค่า การพิจารณาพระแท้จึงเป็นสิ่งที่ผู้รักชอบที่จะสะสมพระต้องขวนขวายศึกษา เพื่อให้ได้ของแท้มาครอบครอง ซึ่งบางครั้งก็ตกม้าตายได้เช่นกัน

ด้วยความทรงคุณค่า เป็นที่ใฝ่หา แต่หายากยิ่งนี้ จึงมีหลายสำนักได้มีการจำลองรูปแบบ "พระร่วงหลังรางปืน" มาจัดสร้างขึ้นในยุคหลังหลายรุ่น ซึ่งโดยส่วนใหญ่ล้วนได้รับความนิยม ยิ่งถ้าจัดพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ มีพระเกจิคณาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมร่วมอธิษฐานจิต และมีประสบการณ์เข้มขลังเป็นที่ปรากฏให้เห็นเป็น "รูปธรรม" แล้ว ยิ่งสร้างค่านิยมให้สูงขึ้น และหนึ่งในพระร่วงหลังรางปืนที่จัดว่า เป็น "ของดีน่าเก็บ" ก็คือ "พระร่วงหลังรางปืน ปี 2515 วัดพระธาตุดอยสุเทพ" 

พระร่วงหลังรางปืน ปี 2515 วัดพระธาตุดอยสุเทพ นี้ พิมพ์ด้านหน้าจะมีพุทธลักษณะเช่นเดียวกับ "พระร่วงหลังรางปืน" ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น "พระร่วงหลังรางปืนย้อนยุค" ลักษณะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง พระประธานประทับยืน แสดงปางประทานพร พระหัตถ์ขวายกขึ้นระดับพระอุระ พระกรซ้ายทอดลงขนานกับลำพระองค์แบบหงายฝ่าพระหัตถ์ออกด้านหน้า ภายในซุ้มเรือนแก้ว ครองเครื่องจีวรห่มคลุมพลิ้วบาง ขนานกับองค์พระตกลงมาเบื้องล่าง 

พระพักตร์ค่อนข้างเคร่งขรึม ปรากฏรายละเอียดชัดเจน สวมศิราภรณ์ อันได้แก่ กระบังหน้า และมงกุฎรูปกรวยที่เรียกว่า "หมวกชีโบ" นุ่งสบง คาดด้วยรัดประคดแบบศิลปะเขมรแบบ บายน ส่วนพิมพ์ด้านหลังมีการจัดสร้างเป็น 2 พิมพ์ คือ "พิมพ์หลังเจดีย์นูน" และ "พิมพ์หลังเจดีย์จม" บ้างก็เรียกว่า "พิมพ์พระธาตุลอย" กับ "พิมพ์พระธาตุจม"   




ประการสำคัญที่ต้องกล่าวถึง คือ พิธีพุทธาภิเษกที่จัดอย่าง ยิ่งใหญ่ ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2515 โดย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทรงเป็นประธานในพิธี ทั้งยังได้สุดยอดพระเกจิคณาจารย์แห่งยุค ทั้งภาคเหนือ, ภาคกลาง และ ภาคใต้ รวม 108 รูป ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ, หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท, หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่, หลวงพ่อเกษม เขมโก จ.ลำปาง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม, ครูบาคำแสน อินทจักโก วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่, ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล จ.เชียงใหม่, ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน, พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง ฯลฯ 

นอกจากนี้ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ศิษย์สำนักเขาอ้อสายตรง ผู้เข้มขลัง มาเป็นเจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส จึงนับเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พิธีหนึ่งของไทยในยุคนั้นทีเดียว 

ดูจากพุทธศิลปะและพุทธลักษณะ รวมทั้งรายชื่อพระเกจิคณาจารย์ที่มาร่วมพลังอธิษฐานแล้ว ถ้าไม่ติดว่า "พระเก่า-พระใหม่" ก็น่าจะการันตีได้ถึงความเข้มขลังทางพุทธคุณ ที่เรียกได้ว่า "ห้อยคอได้ไม่อายใคร" 


อ้างอิงจาก พันธุ์แท้พระเครื่อง
ราม วัชรประดิษฐ์  http://daily.khaosod.co.th/

พระชัยหลังช้าง หลัง ภปร  

Posted by Honeybee

"พระชัยหลังช้าง"
เหรียญพระชัยหลังช้าง ความเป็นมาของ "พระชัยวัฒน์" เดิมมีพระนามว่า "พระชัย" หรือ "พระไชย" ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ออกพระนามเพิ่มว่า "พระไชยวัฒน์" และได้เปลี่ยนพระนามมาเป็น "พระชัยวัฒน์" ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลปัจจุบัน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร มีฉัตรปรุ 5 ชั้นปักกั้น หน้าตักกว้าง 7 นิ้ว สูงจากทับเกษตรถึงยอดพระรัศมี 9 นิ้ว มีพัดแฉกหล่อด้วยเงินปักข้างหน้า ที่ฐานมีคำจารึก ซึ่งเป็นต้นแบบในการนำมาสร้าง เหรียญพระชัยหลังช้าง


เหรียญพระชัยหลังช้าง ภ.ป.ร. ปี 2530
ราคา: ออกบูชาไปแล้ว
วิธีการบูชา:  กรุณาติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกันก่อน เพราะทำงานประจำ บางครั้งไม่สะดวกรับโทรศัพท์ครับ

เหรียญพระชัยหลังช้าง เหรียญดังพิธีดีอีกเหรียญหนึ่งที่หยิบยกมากล่าวถึง เป็นเหรียญที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แห่งวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร ในนามคณะสงฆ์ได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น สืบเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ในปี พ.ศ.2530 เป็นเหรียญปั๊มด้านหน้าเป็นรูปพระชัยวัฒน์ที่เรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง" ด้านหลังเป็นพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร." มีอักษรปรากฏบนเหรียญว่า "5 ธันวาคม 2530" และ "คณะสงฆ์สร้างในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ"

เหรียญพระชัยหลังช้าง เป็นเหรียญดีเพราะพิธีการจัดสร้างเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเจตนาการจัดสร้างเพื่อนำรายได้จากการบริจาคบูชานั้น ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกมากมาย ประการสำคัญยิ่ง เหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ปลุกเสก นั้นคือ สมเด็จพระสังฆราช (วาส) วัดราชบพิธฯ และสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร ที่ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ.2532 และ เหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระราชาคณะที่ร่วมปลุกเสกอีก คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา สมเด็จพระวันรัต วัดโสมนัสวิหาร สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เมื่อครั้งยังเป็นที่พระพรหมคุณาภรณ์ แล้วยังมีพระเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคนั้น อาทิ หลวงพ่อแพ แห่งวัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม) วัดถ้ำผาปล่อง พระอุดมสังวรเถร (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี พระครูฐาปนกิจสุนทร (เปิ่น) วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม หลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก จังหวัดชลบุรี พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม) วัดดอนยายหอม พระครูปริมานุรักษ์ (พูล) วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม

ที่สำคัญ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ท่านเคยกล่าวไว้กับลูกศิษย์ของท่านว่า เหรียญพระชัยหลังช้าง นี้เป็นเหรียญที่มีพุทธานุภาพดีมากๆ กล่าวสำหรับพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลปัจจุบันนี้ มีความเป็นมาสืบเนื่องจากราชประเพณีหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล เริ่มเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชดำริว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำพระองค์ที่เชิญไปในราชการศึกสงคราม ซึ่งเรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง" นั้น ได้เชิญไปประดิษฐานหน้าพุทธบัลลังก์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพราะเป็นพระพุทธรูปคู่บารมีมาด้วยกัน จึงขาดพระพุทธปฏิมาสำหรับถวายสักการะ ณ พระราชมณเฑียร จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ขึ้นแทน ถวายพระนามว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล

ในรัชกาลต่อมา เมื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ถือเป็นราชประเพณีที่จะต้องหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์สืบมาทุกรัชกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 ยังไม่ได้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ในการพระราชพิธีจึงต้องเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช เป็นพระพุทธรูปประธานในงานพระราชพิธี ครั้น พ.ศ.2495 เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาประทับพระนคร พ.ศ.2506 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาลตามราชประเพณี และโปรดเกล้าฯ ให้ นายพิมาน มูลประมุข เป็นช่างปั้นหุ่นพระพุทธรูป

พระเครื่องและเหรียญที่ระลึกที่มีพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร" ประดิษฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ถือว่าเป็นสิ่งมงคลที่น่าเก็บสะสมบูชาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหรียญพระพุทธรูปของ วัดต่างๆ ที่มีตรา ภปร.ประดิษฐานอยู่ด้านหลังนั้นมีอยู่จำนวนมากเช่นกัน หลายๆ รุ่นมีพิธีการสร้างที่เข้มขลัง และมีพุทธศิลป์ที่งดงามอย่างยิ่ง ดั่งเช่นเหรียญพระพุทธ หรือเหรียญพุทธคุณ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร.ที่เรียกขานกันว่า "เหรียญพระชัยหลังช้าง" สร้างโดยคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกายในปีมหามงคลเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธ.ค.2530 เหรียญพระชัยหลังช้าง มีเนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อกะไหล่ทอง มูลเหตุที่นำรูป พระชัยหลังช้างมาจัดสร้างเพื่อเทิดพระเกียรติล้นเกล้าทั้งสอง พระองค์ ด้วยเห็นว่าพระชัย (หลังช้าง) เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง คู่บุญญาบารมีของปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ ควรที่ประชาชนจะมีไว้สักการบูชา เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในพระองค์ ดังเช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ ได้ลิขิตไว้ว่า เหรียญพระชัยหลังช้าง "หากอยู่กับบ้านก็คุ้มบ้าน หากอยู่กับตัวก็คุ้มตัว" 

อาจารย์ที่พุทธาภิเษกหมู่ เจริญพระพุทธมนต์ เกือบ 80 รูป ขอเอ่ยชื่อเป็นตัวอย่างดังนี้ 
1 สมเด็จพระสังฆราช(วาส) วัดราชบพิตรฯ
2 สมเด็จพระญาณ สังวร วัดบรวนิเวศวิหาร 
3 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพยา
4 สมเด็จพระวันรัด วัดโสมนัสวีหาร
5 สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปธุมคงคา
6 พระพรหมคุณาภรณ์ (สมเด็จพุฒาจารย์เกี่ยว)วัดสระเกศ (รักษาการองค์พระสังฆราช)
7 พระมหาวีระ ถาวะโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) พระของท่าน ท่านรับรองว่ากันรังสีต่างๆได้ ที่สำคัญ กระดูกกลายเป็นพระธาตุ
8 พระอาจารย์ ชื้น พุทธสาโร วัดญาณเสน พระของท่าน ท่านรับรองว่ากันรังสีต่างๆได้ ที่สำคัญ กระดูกกลายเป็นพระธาตุ
9 หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง 
10 พระครูสันติวรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั้น กระดูกกลายเป็นพระธาตุ
11 พระอุดมสังวรเถร (ล.พ.อุตตะมะ) วัดวังค์วิเวการาม เทพเจ้าแห่งสังขระบุรี
12 พระครูฐาปนกิจสุนทร (ล.พ.เปิ่น) วัดบางพระ
13 พระครูปริมานุรักษ์ (ล.พ.พูล) วัดไผ่ล้อม
14 หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
15 พระครูเกษมธรรมนันท์ (ล.พ.แช่ม) วัดดอนยายหอม

เหรียญหลวงพ่อโสธร (หลัง ภปร) ที่ระลึกสร้างพระอุโบสถ ปี 2538 เนื้ออัลปาก้า  

Posted by Honeybee

เหรียญรูปไข่ หลวงพ่อโสธร เนื้ออัลปาก้า ที่ระลึกในการสร้างพระอุโบสถ หลังมีพระมหาพิชัยมงกุฎ และพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชการที่ 9

ราคา: 320 บาท
วิธีการบูชา:  ติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มา เพราะทำงานประจำ บางครั้งไม่สะดวกรับโทรศัพท์ครับ

เหรียญหลวงพ่อโสธร (หลัง ภปร) ที่ระลึกสร้างพระอุโบสถ ปี 2538 เนื้ออัลปาก้า   ปี 2531 บรระจุพระคาถาหัวใจพระพุทธคุณ ๙ ห้อง อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ พระพุทธคุณ 9 ย่อเหลือพระคุณละ 1 อักษร ดังนี้ คือ.-
1)อะ (อรหัง)-เป็นพระอรหันต์ ไกลจากกิเลส.....
2)สัง(สัมมา สัมพุทโธ)-ตรัสรู้ความจริงด้วยพระองค์เอง โดยถูกต้อง.......
3)วิ(วิชชา จรณะสัมปันโน)-ทรงสมบูรณืด้วยวิชาสมบัติและจริยาสมบัติ........
4)สุ(สุคโต)-เสด็จไปดี......
5)โล(โลกวิทู)-ทรงรู้เท่าทันโลกทั้ง 3..........
6)ปุ(อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ)-ทรงเป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน.......
7)สะ(สัตถา เทวมนุสสานัง)-ทรงเป็นครูสอนทั้งเทวดาและมนุษย์........
8)พุ(พุทโธ)-ทรงเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส.......
9)ภะ(ภควา)-เป็นผู้ทรงแจกพระอมตะมรดก.......
เหรียญรุ่นนี้จัดสร้างโดยวัดโสธร เพื่อหารายได้ในการสร้างอุโบสถหลังใหม่ ทางวัดมีการจัดพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ โดยนิมนต์พระเกจิดังๆ มามากมาย ในสมัยนั้น เช่น หลวงพ่อม่น วัดเนินตามาก หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกระเฌอ หลวงพ่อเหล็ง วัดโคกเพลาะ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ หลวงพ่อทิม วัดพระขาว

หลวงพ่อเกษม หลัง ภปร พิมพ์ใหญ่  

Posted by Honeybee

เหรียญ ภปร   หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ปี 2523   
ตอกโค๊ตชัดเจน ผิวไฟวิ้งๆ


ราคา: 900 บาท
ติดต่อมาที่ Line ID: 8billion หรือ เม็มเบอร์โทร 086 9269793 แล้ว add Line มาเพื่อคุยกันก่อน เพราะทำงานประจำ บางครั้งไม่สะดวกรับโทรศัพท์ครับ


เหรียญ ภปร หลวงพ่อเกษม มีสร้าง 2 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่และเล็ก    หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ผ่านการปลุกเสกอย่างถูกต้องโดยหลวงพ่อเกษม ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายน ปี พ.ศ. 2523 เป็นเหรียญที่นิยมในหมู่ศิษย์มากอีกรุ่นหนึ่ง เนื่องจากมีพระปรมาภิไธยย่อ ภปร ของในหลวงรัชการที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ซึ่งเหรียญพระเกจิไม่กี่องค์ที่จะได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประทับตรานี้ได้

หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระอริยเจ้าที่ในหลวงรัชการที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชศรัทธาเป็นอย่างมาก

พระหยกสุพรรณ วัดธรรมมงคล 2535  

Posted by Honeybee


พระหยกสุพรรณ วัดธรรมมงคล 2535

พระหยกสุพรรณ วัดธรรมมงคล 2535
                                        พร้อมกล่อง
หยกแท้ หายากมาก หมดแล้วหมดเลย

ราคา 750 บาท จัดส่งฟรีแบบไปรษณีย์ลงทะเบียน
ติดต่อ: Line ID: 8billion หรือ เมมเบอร์ 0869269793 เพิ่มเพื่อนในไลน์แล้วติดต่อรายละเอียดกันเช่น การโอนเงิน การจัดส่ง เป็นต้นครับ หากท่านโทรมาอาจจะรับสายไม่ได้เนื่องจากทำงานประจำครับ
*ถ้าหากท่านประสงค์อยากได้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผมเพื่อความสบายใจก็สามารถบอกได้นะครับ

Amulet Name: Jade Buddha
Price: 750 Thai Baht (Ex-Factory)

For Thai people at oversea or foreigners who interested in this amulet, please kindly contact me at sak_39@hotmail.com for further discussion.

การรับประกัน
รับคืนเงินภายใน 30 วัน หากผู้บูชาตรวจทราบว่าเป็นพระเก๊ โดยมีหนังสือรับรองจากผู้เชี่ยวชาญที่วงการพระเครื่องให้การยอมรับ
อนึ่ง ในการส่งคืน พระจะต้องอยู่ในสภาพเดิม ไม่ชำรุดหักบิ่น เสียสภาพ

การผนึกรวมกันของ2พลังอำนาจ
1.หยกธรรมชาติแท้จากนิมิตมหัศจรรย์ของหลวงพ่อวิริยังค์วัดธรรมมงคล ลูกศิษย์ พระอุปัฏฐากหลวงปู่มัน พระอรหันต์ยุคปัจจุบัน
2.พระผงสุพรรณ หนึ่งในเบญจภาคี ที่พุทธคุณทางด้านเมตตา แคล้วคลาด ร่ำรวย มีโชค

พระหยกสุพรรณนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปหยกศรีไทย วัดธรรมมงคล ซึ่งเป็นส่วนจากการแกะสลักของนายช่างชาวอิตาลี่ เมื่อปี2535 จึงเป็นการมั่นใจได้ว่าพระหยกองค์นี้เป็นหยกแท้100%ทั้งยังมีที่มาจากการอธิษฐานจิตจากพระอริยะเจ้าลูกศิษย์พระอรหันต์อย่างหลวงปู่มั่นอีกด้วย การประดับเครื่องประดับด้วยหยกแท้ก็นับว่ามีพลังเสริมดวงเสริมบารมีแล้ว และยังเป็นหยกที่แกะสลักเป็นรูปพระผงสุพรรณที่มีอานุภาพลือเลื่องดังมีสนเทห์ว่า ถ้าเอาพระวางไว้บนหัวแล้วต่อสู้กับข้าศึกก็จะไม่เป็นอันตรายไดๆเลย ก็ยิ่งเสริมดวงให้ผู้ส่วมใส่มีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นไปอีก


เนื้อหยกเขียวบริสุทธื์ เนื้อเดียวกับองค์พระ
พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย(หลวงพ่อหยก)
ที่มาของพระหยก วัดธรรมมงคล
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2535 เราคนไทยคงจะจำข่าวอันเป็นมงคลเกี่ยวเนื่องทางพระพุทธศาสนากันได้ เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมทางหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่เว้นแม้แต่โทรทัศน์ที่สนใจติดตามข่าวโดยนำไปเผยแพร่ถึงความมหัศจรรย์ที่เราได้พบหยกสีเขียวขนาดมหึมา ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน
ความต้องการรัตนชาติล้ำค่าชนิดนี้ เกิดขึ้นจากปณิธานของ พระราชธรรมเจติยาจารย์ หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ พระสงฆ์รูปนี้ท่านเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาสักองค์หนึ่ง เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนา
ให้รุ่งเรืองสืบไปภายหน้า ซึ่งวัตถุที่หลวงพ่อต้องการจะนำมาแกะสลักพระตามที่ท่านกำหนดไว้ในใจก็คือ หยกสีเขียว ขนาดใหญ่และบริสุทธิ์ จึงหาได้ยากยิ่งในเมืองไทยและต่างประเทศ แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อที่จะรอคอย
มาในภายหลังหลวงพ่อวิริยังค์ท่านทราบข่าวว่าในประเทศแคนาดามีบริษัททำเหมืองหยก ท่านจึงได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดาในปี พ.ศ.2530 การเดินทางครั้งนั้นท่านเดินทางไปพร้อมกับลูกศิษย์ของท่าน เพื่อไปสืบหาหยกสีเขียวมาแกะสลักให้ได้ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วก็ยังไม่พบหยกตามต้องการ ท่านจึงเข้าพบเจ้าของบริษัททำเหมืองหยก ขอสั่งจองก้อนหยกขนาดใหญ่ไว้ หากขุดได้ท่านจะซื้อกลับมาเมืองไทย
จากนั้นท่านและคณะศิษย์ก็ได้เดินทางกลับมารอฟังข่าวที่เมืองไทย เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆก็ยังไม่มีข่าวดีสักที เพราะแม้ทางเหมืองจะขุดพบหยกสีเขียว และนำขึ้นมาได้ก็ยังไม่ได้ขนาดตามที่หลวงพ่อต้องการ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2534 ช่วงเวลาตีสาม ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้นำพระภิกษุ สามเณรในวัดธรรมมงคลลุกขึ้นนั่งสมาธิเป็นปกติ ขณะที่ท่านนั่งสมาธิก็ได้เกิดนิมิตเห็นหยกสีเขียวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมาปรากฏ เมื่อออกจากสมาธิท่านจึงมั่นใจว่าคราวนี้จะต้องได้พบหยกสีเขียวตามที่ตั้งใจไว้แน่ๆ ท่านจึงกำหนดเดินทางไปยังประเทศแคนาดาอีกครั้ง
ทันทีที่ได้ไปถึงเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ซึ่งเป็นรัฐใหญ่ของประเทศแคนาดา ท่านก็ทราบข่าวว่ามีการขุดพบหยกสีเขียว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการขุดพบมา ซึ่งสถานที่พบหยกก้อนนี้ไม่ใช่ที่เหมืองหยก แต่เป็นเหมืองทองคำของ นายจอห์น สกัสเลอร์ ชาวเยอรมัน นายจอห์นผู้นี้เข้ามาแสวงโชคในแคนาดาด้วยการทำเหมืองหาสินแร่ทองคำนานหลายสิบปีแล้ว กิจการนับว่ารุ่งเรืองและการขุดพบหินหยกครั้งนี้เป็นการพบโดยไม่คาดฝันมาก่อน ซึ่งวันที่ขุดพบก็ตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2535 ตรงกับวันที่หลวงพ่อวิริยังค์ท่านนั่งสมาธิมีนิมิตเห็นหยกสีเขียวพอดี ดูจะเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ไม่น้อย นายจอห์นเล่าว่าวันนั้นขณะกำลังคุมงานขุดหาแร่ทองคำตามปกติ จู่ๆเขาก็เกิดความต้องการจะให้คนงานขุดเจาะลงไปยังที่แห่งหนึ่ง โดยไม่มีเหตุผลและไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไรจึงอยากให้ขุดบริเวณนั้นขึ้นมา ซึ่งเมื่อคนงานเริ่มขุดเจาะผิวดินและหินก็พบว่าตรงบริเวณนั้นมีสายแร่ทองคำมากพอสมควร จึงให้ขุดต่อไปอีก เมื่อขุดต่อไปสายแร่ทองคำก็หายไป นายจอห์นก็จะบอกให้หยุดขุดเพียงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงพูดไม่ออกและน่าแปลกที่คนงานซึ่งกำลังขุดก็ไม่ทักท้วง ทั้งๆที่ไม่ได้แร่ทองคำขึ้นมาเลย คล้ายกับมีพลังอำนาจจากอะไรบางอย่างบังคับให้ขุดต่อไป จนในที่สุดความอัศจรรย์ก็บังเกิดเมื่อมีการขุดพบก้อนหยกสีเขียวขนาดมหึมาอยู่ภายในหลุมลึก เป็นหยกสีเขียวที่สมบูรณ์สวยงาม ไร้รอยตำหนิ เพียงก้อนเดียวที่มาผุดในเหมืองทองคำ และน่าแปลกยิ่งไปกว่านั้นก็คือจากการสันนิษฐานจากนักธรณีวิทยาผู้ร่วมทีมขุดและจากความเชี่ยวชาญของนายจอห์นเอง ทำให้แน่ใจว่าหยกก้อนนี้ไม่ใช่หยกที่เกิดขึ้นในสถานที่นี้ แต่หยกก้อนนี้ได้เคลื่อนตัวจากยอดเขาสูงสุดคือยอดเขาคิงส์เม้าน์เทนลงมา และใช้เวลาเคลื่อนไหลไม่ต่ำกว่า 8,000-10,000 ปีอย่างแน่นอน กว่าจะมาปรากฏ ณ ที่ขุดพบ
และหลังจากขุดพบหยกก้อนนี้ก็ต้องใช้เวลาถึง 7 วัน กว่าจะนำขึ้นจากดินได้โดยไม่มีส่วนใดบุบสลาย ฝ่ายเจ้าของเหมืองคือนายจอห์นนั้น ยิ่งพอรู้ว่าหลวงพ่อวิริยังค์ต้องการติดตามสืบหาหยกเขียวบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อนำไปแกะสลักองค์พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะประดิษฐ์ไว้ในประเทศไทยก็ยิ่งขนลุกด้วยความปีติ เขาเชื่อว่าการค้นพบครั้งนี้เป็นปาฏิหาริย์แน่นอน หยกก้อนนี้ต้องมีเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าปกปักรักษาไว้เพื่อเป็นรัตนชาติในพระพุทธศาสนาเท่านั้น จึงบันดาลให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น
เมื่อรัตนชาติสีเขียวก้อนนี้เดินทางมาเมืองไทยก็ได้มีพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีก็ต้องเฟ้นหาช่างฝีมือเพื่อมาแกะสลักหยกให้เป็นองค์พระพุทธรูป ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าช่างแกะสลักฝีมือเยี่ยมที่สุดในโลกมีอยู่ที่ประเทศอิตาลีเท่านั้น ดังนั้น หลวงพ่อวิริยังค์จึงต้องเดินทางไปประเทศอิตาลีอีกครั้ง เพื่อไปติดต่อช่างแกะสลักนายหนึ่งชื่อว่า เปาโล เวี้ยกกี้ โดยที่ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า ทราบแต่เพียงว่าช่างคนนี้เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยด้วย แต่เมื่อคณะของหลวงพ่อเดินทางไปถึงก็ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยปิดและไม่สามารถติดต่อช่างเปาโลได้เลย เพราะไม่รู้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ทำให้หลวงพ่อผิดหวังอย่างยิ่งจึงต้องเดินทางกลับเมืองไทย
แต่แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะก่อนที่จะเดินทางในวันรุ่งขึ้น คณะของหลวงพ่อได้พากันไปซื้อรองเท้าที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่ช่างเปาโลก็เข้าไปซื้อรองเท้าในร้านเดียวกัน จึงได้เจรจารายละเอียดและนัดหมายในเรื่องการแกะสลักพระพุทธรูปหยกเขียว หลังจากนั้นช่างเปาโลและช่างอีกคนหนึ่งชื่อ ซีซี่ก็เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำการแกะสลักหยกสีเขียวเป็นองค์พระพุทธรูป ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังจากปากของช่างเปาโลว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากในการมาแกะสลักพระพุทธรูปหยกครั้งนี้ เพราะขณะที่เขากำลังแกะสลักนั้น มันเหมือนกับมีแม่เหล็กมาดูดที่มือเขาตลอดเวลา และตามความรู้สึกของเขานั้นเหมือนกับพระพุทธเจ้า เสด็จมาคอยให้เห็นอยู่ตรงหน้าและเวลาฝันก็จะฝันเห็นพระพุทธเจ้าอยู่บ่อยครั้ง
จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้เราได้สัมผัสกับความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งปัจจุบันถูกประดิษฐานอยู่บนชั้น 3 ของศาลาพระปรมาภิไธยย่อภปร. ภายในวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 องค์พระพุทธรูปหยกเขียวนี้ มีพระนามเต็มว่า พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย หรือ หลวงพ่อหยก ซึ่งโดยพุทธลักษณะแล้วเป็นพระพุทธรูปที่ถูกบรรจงแกะสลักอย่างงดงามและหาดูได้ยากยิ่ง

อานุภาพพระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณพระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี นับเป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่ายิ่ง นอกเหนือจากพุทธศิลปะอู่ทองอันเข้มขลังแล้ว พุทธคุณขององค์พระยังเลื่องชื่อลือชาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ซึ่งปรากฏในจารึกลานทองที่ได้จากกรุและถูกคัดลอกออกเป็น 6 สำเนา กล่าวถึงกรรมวิธีการสร้าง และ "อุปเท่ห์" อันหมายถึงวิธีการอาราธนาองค์พระเพื่อให้ท่านช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ สำหรับ "พระผงสุพรรณ" แล้วท่านได้ระบุว่าฤาษีผู้สร้างได้ลำดับอุปเท่ห์ไว้ดังนี้
-แม้อันตรายสักเท่าใดก็ดีให้นิมนต์พระใส่ไว้บนศีรษะหรืออาราธนาผูกไว้ที่คอ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น แล
-ถ้าจะเข้าการรณรงค์สงคราม ให้เอาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยนวหรคุณ แล้วเอาน้ำมันหอมมาใส่ผม ไปได้สำเร็จความปรารถนาแล
-ถ้าผู้ใดจะประสิทธิ์ด้วยหอกดาบศาสตราวุธทั้งปวง ให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอมใส่ชันสัมฤทธิ์ พิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด แล้วเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ 108 คาบ พาหุง 13 จบ เอาน้ำมันหอมทาทั้งหน้า คอ หน้าอก แลผม จะสำเร็จผลตามความปรารถนาทุกอย่าง อยู่คงกระพันชาตรี ศาสตราวุธทั้งปวงจะมิมาต้องตัวผู้นั้นเลย ศักดิ์สิทธิ์แท้
-ถ้าผู้ใดจักใคร่ได้มาตุคาม ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นมาใส่ใบพลูประสิทธิ์แก่คนผู้นั้น จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นแล
-ถ้าจะให้มีสง่าราศีเป็นสิริมงคลการเจรจาให้ผู้อื่นเชื่อฟังยำเกรง ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม หุงขี้ผึ้งสีปาก เสกด้วยนวหรคุณ 13 จบ พาหุง 13 จบ พระพุทธคุณ 13 จบ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนบูชา ทำพิธีในวันเสาร์ แล้วเอาขี้ผึ้งทาริมฝีปาก หน้าอก แลผม จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นตามปรารถนา คนทั้งหลายทั้งกลัวทั้งเกรง เก็บไว้ใช้ได้เสมอ เป็นมหาวิเศษ
-ถ้าว่าจะค้าขายก็ดี จะไปหนบกหนเรือก็ดี ท่านให้นมัสการด้วยบทพาหุง แล้วอาราธนาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยอิติปิโส 11 คาบ แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นประพรมของ เอามาลูบหน้า ลูบศีรษะ และกินบ้าง ถ้าแม้จักไปขายหนบกหนเรือก็ศักดิ์สิทธิ์ คนทั้งหลายขายไม่ได้เราก็ขายได้
-ถ้าจะคิดการสิ่งใดหรือจักไปหนไหนๆ จะให้สมความปรารถนา ท่านให้อาราธนาพระใส่บนศีรษะก็จักสมความปรารถนาประเสริฐนักแล
-ถ้าจักให้สวัสดิมงคล เจริญผลสถาพรทุกเมื่อ ให้เอาดอกไม้ ดอกบัวบูชาทุกวัน ถวายพรพระพิมพ์ทุกวัน จะปรารถนาสิ่งใดก็สำเร็จผลทุกอันแล
-ถ้าไปในที่ต่างๆ อยากกินน้ำ หาน้ำไม่ได้ ท่านให้อาราธนาพระใส่ไว้ในปาก หายอยากน้ำแล
-ถ้าเอาพระไว้บนศีรษะแล้ว ปืนแลหน้าไม้ยิงมาเป็นห่าฝนก็ไม่ถูกตัวเรา
-ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้อาราธนาพระไว้บนศีรษะ แล้วท่านให้อธิษฐานเอาเถิดสัตว์ทั้งหลายทำร้ายเราไม่ได้เลย คงยืนอยู่อย่างนั้น เงื้อก็เงื้อเปล่า ทำอะไรเราไม่ได้
-ถ้าเกิดเป็นถ้อยความ ขึ้นโรงศาล จักให้ถ้อยความนั้นละลายหายสูญไป ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาด้าย 11 เส้นทำไส้เทียน เอากระดาษยันตร์ใส่ชื่อมันห่อใส่เทียนนั้น เสกด้วยนวหรคุณ ตามถวายพรพระ บูชาประดิษฐานไว้ แล้วพิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด จะประสิทธิ์แก่ผู้นั้น ฝ่ายมันสู้เรามิได้เลย ศักดิ์สิทธิ์แล ให้เอาคาถานี้ทำเส้นเทียนเถิด

พระองค์นี้จึงเรียกได้ว่า เป็นการรวมอานุภาพพลังงานของสิ่งศักดิ์ทั้งสองนี้รวมกัน

หมายเหต: ยังมีพระหยกแกะเป็นรูปพระสมเด็จ ปี 2536 ตามLinkนี้ครับ http://prakruangthai.blogspot.com/2017/05/2536.html?m=1

ล็อกเก็ต 100ปี หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต  

Posted by Honeybee


ด้านหลังมีหลังมวลสารพระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น เส้นเกศาและจีวรหลวงปู่ 

ราคา: โชว์เท่านั้น
Line ID: 8billion

"หลวงปู่บุญฤทธิ์" (หรือฉายา "ช้างเผือกผาแด่น" ที่หลวงปูชอบ ฐานสโม ผู้เป็นอาจารย์ตั้งให้) ท่านบวชเมื่อปี ๒๔๘๙ หลังจากที่ได้อยู่จำพรรษากับพระอาจารย์กู่ ที่วัดป่าอรุณรังษี อ.เมือง จ.หนองคาย ระยะหนึ่งแล้ว ท่านได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกอย่างจริงจัง แล้วจึงกลับไปอยู่ที่วัดสุปฏินาราม จ.นครราชสีมา จากนั้นได้ไปอยู่ที่วัดป่าลุมพุก จ.อุบลราชธานี ได้ฝึกปฏิบัติธรรมภาวนา และเรียนรู้เรื่องของปฏิจจสมุปบาทตอนต้น จนได้ปัญญา ทำให้ความคิดที่อยากจะลาสิกขาหายไป โดยตั้งใจใหม่ว่าจากนี้ไปจะขออยู่ในสมณเพศไปตลอดชีวิต
            ต่อมาท่านได้เดินทางไปอยู่กับพระอาจารย์ลี ธัมมธโร  (ศิษย์รุ่นที่ ๒ ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) ที่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี พอออกพรรษาปี ๒๔๙๑ ท่านได้เดินทางไป จ.เชียงใหม่ พักที่วัดเจดีย์หลวง พอถึงวันวิสาขบูชา มีพระป่าสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ร่วม ๑๐๐ รูป มาชุมนุมกันที่นั่น นับเป็นโอกาสอันดีที่หลวงปู่จะได้พบกับพระผู้ใหญ่หลายรูป อาทิ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ฯลฯ
            สำหรับหลวงปู่ชอบ นับเป็นศิษย์รูปสำคัญของพระอาจารย์มั่นท่านหนึ่ง โดยมีผู้ยกย่องว่าท่านเป็นผู้มี อภิญญาสูงมาก
            คำว่า "อภิญญาสูงมาก" นี่เองที่ทำให้หลวงปู่บุญฤทธิ์เกิดความศรัทธานับถือ จึงได้เดินทางไปขอพบเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์
            ณะนั้นหลวงปู่ชอบจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านยางผาแด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อันเป็นสำนักสงฆ์ที่ท่านได้สร้างขึ้นในหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง อยู่บนภูเขาสูง กลางดงป่าใหญ่ ทุรกันดารมาก ไม่มีทางรถไปถึง การเดินทางต้องบุกป่าฝ่าหนามปีนเขาขึ้นไปเท่านั้น
            พระผู้ใหญ่หลายท่านที่ได้ทราบข่าว ต่างพากันห้ามหลวงปู่บุญฤทธิ์ว่าอย่าไปเลย เพราะหนทางลำบากมาก แต่ท่านก็ไม่เชื่อฟัง โดยได้ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าจะต้องเดินทางไปให้ถึงจนได้
            หลวงปู่บุญฤทธิ์ ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า... "ญาติโยมได้ว่าจ้างคนหามของบุกไป พื้นดินเป็นแต่ขี้โคลนครึ่งเข่า เดินขึ้นเขาสูงครึ่งวัน ทั้งวันจะหารอยเท้าคน รอยเท้าสัตว์ ไม่มีเลย ทางไปลำบากมาก วนเดินหลงป่าอยู่ ๒ หน ไปถึงสำนักสงฆ์หลวงปู่ชอบเอาเกือบค่ำ แอบบ่นในใจว่า...แหมท่านอาจารย์ ทำไมมาอยู่ที่ยากอย่างนี้หนอ..."
            พอไปถึงได้พบกับหลวงปู่ชอบแล้ว ท่านได้จุดเทียนอธิษฐาน ปวารณาขอจำพรรษาบนเขาสูง วัดป่าบ้านยางผาแด่น กับหลวงปู่ชอบ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในปีนั้น (พ.ศ.๒๔๙๓) โดยได้ทำหน้าที่ถวายอุปัฏฐากหลวงปู่ชอบทุกอย่าง ขณะเดียวกันก็ได้รับคำแนะนำสั่งสอนในการปฏิบัติธรรมกรรมฐานจากหลวงปู่ชอบด้วย
            ต่อมาเมื่อออกพรรษา หลวงปู่ชอบได้ลงไปจากเขา ส่วนหลวงปู่บุญฤทธิ์ยังอยู่ต่อไปเพียงรูปเดียว เพราะท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้แล้วว่าจะขออยู่บนนี้ ๓ ปี จึงต้องทำตามที่ได้ตั้งใจอธิษฐานไว้
            ในพรรษาที่ ๒ ท่านพ่อลี ธัมมธโร ได้ขึ้นมาอยู่บนเขานี้ด้วย และได้สอนให้หลวงปู่บุญฤทธิ์นั่งสมาธิแบบปฏิภาคนิมิต อานาปานสติกรรมฐาน คือ การทำสมาธิโดยกำหนดลมหายใจเข้าออก ซึ่งท่านพ่อลีเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้มาก
            หลวงปู่บุญฤทธิ์ได้ปฏิบัติธรรมภาวนาอยู่บนเขาบ้านยางผาแด่นจนครบ ๓ ปีตามที่ได้อธิษฐานไว้ หลังจากนั้นท่านได้ลงมาจากเขาสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ โดยได้เดินทางไปอยู่วัดโน่นบ้างวัดนี้บ้าง ที่เป็นวัดป่าสายพระอาจารย์มั่น ในหลายๆ จังหวัด เป็นเวลาหลายปี รวมทั้งได้ไปดูแลการก่อสร้างวัดป่าที่ จ.สตูล อีกด้วย
            พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงปู่ได้รับหน้าที่ให้เป็นพระธรรมทูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่ประเทศออสเตรเลีย รวมทั้งการสอนปฏิบัติธรรมภาวนา เผยแผ่ให้ทั้งคนไทยในออสเตรเลีย และชาวต่างชาติที่สนใจ รวมทั้งได้เขียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้สนใจปฏิบัติธรรมภาวนา ที่เป็นชาวต่างชาติได้เรียนรู้เข้าใจง่ายขึ้น
ที่มา: http://www.komchadluek.net/

พระนางพญา  

Posted by Honeybee

ชื่อพระ: นางพญา
ราคา: Line: 8billion


พระนางพญาองค์ที่เห็นอยู่นี้ พิมพ์เข่าตรง สร้างในยุคขององค์พระวิสุทธิกษัตรีย์
จำนวนพระ หนา – กลาง – บาง อย่างละ 84,000 องค์ เท่ากับจำนวนพระธรรม 84000 พระธรรมขันธ์
 ด้านข้างทั้งสามด้าน มีรอยตอกตัดแยกองค์พระออกจากกันชัดเจน โดยไม่ใช้มีด เพื่อให้ไม่สามารถแพ้มนต์ดำของข้าศึกศัตรูได้  

ข้อมูล

พระนางพญาเป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคี

  สำหรับตำนานแห่งพุทธคุณของพระชุดเบญจภาคีนั้น มีคติความเชื่อว่า

              ๑.พระสมเด็จวัดระฆัง จัดได้ว่าเป็นสุดยอดพระเครื่องตลอดกาล หรือ "จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง" พุทธคุณครอบจักรวาล เน้นบุญฤทธิ์ หนุนดวงชะตา เมตตามหานิยม แคล้วคลาดภัยพิบัติ คงกระพัน โชคลาภ ใครมีบารมีได้ไว้จะรุ่งเรืองไม่มีวันตกต่ำ

              ๒.พระนางพญา พุทธคุณเป็นพระสร้างความเด่นด้านเมตตากรุณาและเป็นสวัสดิมงคล เน้นทางอิทธิฤทธิ์แกร่งกล้า คงกระพันชาตรี มิหวั่นเกรงคมศัสตราวุธ แคล้วคลาด ชนะศัตรู มีบารมี ผู้คนเกรงใจ

              ๓.พระซุ้ม ก หรือกำแพงเม็ดขนุน พุทธคุณเน้นทางโภคทรัพย์ เป็นมหาอำนาจวาสนาบารมี เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง ไม่มีวันจน

              ๔.พระผงสุพรรณ พุทธคุณเน้นด้านเมตตาบารมี การเป็นผู้นำ น่าเกรงขาม คงกระพัน การมีโชค โภคทรัพย์ ความมีเสน่ห์ ขจัดทุกข์ ความสงบ หนักแน่น

              ๕.พระรอด พุทธคุณเน้นเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน อุดมด้วยโภคทรัพย์ ร่ำรวยทรัพย์ เด่นทางแคล้วคลาด คุ้มภัย

  พระนางพญา หรือ พระพิมพ์นางพญา ซึ่งนิยมกันว่าเป็น ราชินีแห่งพระเครื่อง เป็นพระเครื่องที่พบอยู่ในพระเจดีย์ และบริเวณวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้างไว้ ในแผ่นจาลึกลานทองของพระครูอนุโยค วัดราชบูรณะ มีผู้คัดลอกกันไว้ว่า พระนางพญาสร้างในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา จากการพิจารณาเนื้อดินและพุทธศิลปะของพระนางพญาแล้ว มีความเก่าถึงช่วงต้น ๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เฉพาะพิมพ์เข่าโค้งช่างในสมัยอยุธยาได้สร้างขึ้นเลียนแบบศิลปะสมัยสุโขทัย ซึ่งเห็นได้อย่างเด่นชัด นอกจากพิมพ์นี้พิมพ์เข่าตรงยังมีลักษณะใกล้เคียงกับศิลปะสมัยพระเจ้าอู่ทอง ๒ จากภูมิสถานของวัดนางพญาก็อยู่ในสกุลช่างเดียวกัน เมื่อพิจารณาถึงกษัตริย์ทุกพระองค์ที่เคยครองเมืองพิษณุโลกแล้วพระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองเมืองพิษณุโลกนานที่สุด ในสมัยกรุงศรีอยุธยานับเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมืองพิษณุโลกเป็นราชธานีแห่งที่ ๒ มีความพรั่งพร้อมทั้งกำลังพลและกำลังทางเศรษฐกิจ พระนางพญาคงสร้างขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ.๒๐๐๗-๒๐๒๕ ในคราวเดียวกันกับที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก่อสร้างพระปรางค์แบบต้นสมัยอยุธยาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกและได้บูรณะพระสถูปเจดีย์ใหญ่ ฐานคล้ายเจดีย์มอญ ที่วัดราชบูรณะ ซึ่งพระสถูปเจดีย์องค์นี้ยังเป็นสง่า อยู่ริมฝั่งลำน้ำน่านจนบัดนี้

          พระนางพญา เป็นพระดินเผาที่มีเนื้อหยาบที่สุดในบรรดาพระเนื้อดินชุดเบญจภาคี มีเนื้อสีอิฐแดงเหลือง เนื้อเขียว  เนื้อดำ จุดเด่นของเนื้อพระนางพญา คือ มวลดินประเภทเม็ดทรายที่แทรกปนอยู่ในเนื้อเป็นจำนวนมากเรียกกันว่าเม็ดแร่ ขนาดสัณฐานของเม็ดทรายจะต้องใกล้เคียงกันทั่วองค์พระ เพราะเป็นเนื้อที่ผ่านการกรองมาแล้ว

ข้อมูลจาก : เบญจภาคีดอทคอม

พิมพ์และตำหนิเอกลักษณ์

พระนางพญา มี ๗ พิมพ์ ด้วยกัน คือ  
          ๑. พิมพ์เข่าโค้ง 
          ๒. พิมพ์เข่าตรง 
          ๓. พิมพ์เข่าตรง ( มือตกเข่า) 
          ๔. พิมพ์อกนูนใหญ่ 
          ๕. พิมพ์สังฆาฏิ 
          ๖. พิมพ์อกนูนเล็ก 
          ๗. พิมพ์อกแฟบ ( พิมพ์เทวดา) 

ตำหนิเอกลักษณ์
          ๑. พระเกศเหมือนปลีกล้วย
          ๒. ปรากฏกระจังหน้าชัดเจน
          ๓. หน้าผากด้านขวาขององค์พระจะยุบหรือบุบน้อยกว่าหน้าผากด้านซ้ายขององค์พระ
          ๔. ปลายหูด้านซ้ายมือขององค์พระ จะติดเชื่อมกับสังฆาฎิ
          ๕. ปลายหูด้านขวามือขององค์พระ จะแตกเป็นหางแซงแซว
          ๖. เส้นอังสะจะช้อนเข้าใต้รักแร้
          ๗. จะมีเม็ดผดขึ้นอยู่ระหว่างเส้นอังสะกับเส้นสังฆาฎิ
          ๘. ท้องขององค์พระจะมีกล้ามเนื้อเป็น ๓ ลอน
          ๙. ปลายมือพระหัตถ์ข้างซ้ายขององค์พระจะแหลมแตกเป็นหางแซงแซว
          ๑๐. พระหัตถ์ที่วางบนเข่า จะไม่มีนิ้วมือยื่นเลยลงมาให้เห็น


 ข้อมูลจาก : เบญจภาคีดอทคอม